สารบัญ
- บทนำ
- โดยทั่วไปแล้ว “กัญชา” มีกี่สายพันธุ์ สรรพคุณมีอะไรบ้าง
- กัญชาทางการแพทย์ช่วยรักษาโรคอะไรได้บ้าง
- ระวังการใช้งานกัญชาแบบผิด ๆ เสี่ยงเกิดอันตรายต่อร่างกาย
- สรุป
ปัจจุบันพืชอย่าง “กัญชา” ได้มีกฎหมายใหม่สามารถนำมาใช้งานได้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจนำไปศึกษาวิจัย และรักษาโรคภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แน่นอนว่าเรื่องของกัญชาทางการแพทย์จึงต้องให้ความสำคัญอย่างที่สุด แล้วจะช่วยรักษาโรคอะไรได้บ้าง มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร? อย่ารอช้าที่จะรีบไปศึกษาพร้อมกันทางนี้เลย
โดยทั่วไปแล้ว “กัญชา” มีกี่สายพันธุ์ สรรพคุณมีอะไรบ้าง?
กัญชาเป็นพืชที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cannabis sativa จัดเป็นพืชอยู่ในตระกูล Cannabis โดยมีด้วยกันทั้งสิ้น 3 สายพันธุ์ คือ
- Cannabis sativa spp. Sativa หรือที่รู้จักอีกชื่อว่ากัญชง จะมีความสูง 6 เมตร ต้นใหญ่ หนา แข็งแรง ใบมีสีเขียว เรียวยาว เติบโตได้ดีเมื่ออยู่ในเขตอากาศร้อน
- Cannabis sativa spp. Indica จะมีความสูงไม่เกิน 2 เมตร ไม้พุ่มเตี้ย ใบจะสั้น กว้าง และเป็นสีเขียวเข้ม เติบโตได้ดีเมื่ออยู่ในเขตอากาศเย็น หรืออยู่ในที่ร่ม
- Cannabis sativa spp. Ruderalis จะมีลักษณะใบกว้าง เล็ก (ต้นเล็กคล้ายวัชพืช) สามารถเติบโตได้ดีทั้งในเขตร้อนและเย็นจัด ส่วนใหญ่พบเห็นได้ตามทวีปยุโรป
ในส่วนของการใช้งานกัญชาทางการแพทย์นี้ จะจัดอยู่ในประเภท Cannabis sativa spp. Indica โดยที่สามารถนำสารสำคัญที่มีมารักษาได้ นั่นคือ Cannabidiol (CBD) และ Tetrahydrocannabinol (THC) ที่มีความน่าสนใจแตกต่างกันคือ
- สาร Cannabidiol (CBD)
สำหรับประโยชน์ของสาร Cannabidiol (CBD) ได้มีงานวิจัยมารองรับการใช้งาน ว่าจะสามารถช่วยรักษาอาการลมชักในเด็กได้อย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มอาการที่เรียกว่า Dravet และ Lennox – Gastaut
- สาร Tetrahydrocannabinol (THC)
จะช่วยลดอาการปวดแบบเรื้อรังของร่างกายได้ดี ใครที่ต้องใช้ยาเคมีบำบัดแล้วมีอาการคลื่นไส้ก็จะช่วยลดอาการคลื่นไส้ลงได้ รวมถึงบางคนเบื่ออาหารก็ช่วยกระตุ้นให้อยากกินมากขึ้น (ใช้ได้เฉพาะผู้ที่อยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น) และลดเกร็งให้กับผู้ป่วยที่มาจากโรคทางประสาทบางชนิด
กัญชาทางการแพทย์ช่วยรักษาโรคอะไรได้บ้าง?
แม้จะรู้ว่ามีสารชนิดใดที่เป็นส่วนประกอบหลักอยู่ในกัญชาทางการแพทย์แล้วนั้น แต่การรู้ถึงประโยชน์ด้านการรักษาอย่างละเอียดจะช่วยให้เข้าใจการใช้งานมากขึ้น
1. ช่วยรักษาต้อหินที่ดวงตาได้
สารสกัด THC ที่อยู่ในกัญชานั้นได้มีการนำไปทดลองแล้วพบว่าถูกนำมาใช้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการกิน หยอด หรือดมกลิ่น โดยพบการเปลี่ยนของความดันลูกนัยน์ตาซึ่งทำให้เกิดต้อหิน 3 – 5 มิลลิลิตรปรอทเลยทีเดียว กระนั้นฤทธิ์ยาสามารถอยู่ได้ 2 – 4 ชม. และมีผลข้างเคียงทำให้ง่วงซึม อารมณ์แปรปรวนได้ง่าย ปัจจุบันจึงถือว่าอยู่ในช่วงวิจัยและพัฒนาให้สามารถใช้งานได้ต่อไปอยู่
2. ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง
อนุพันธ์ของสาร THC ไม่ว่าจะเป็น Dronabinol หรือ Nabilone ก็ตาม สามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ที่เป็นผลมาจากการให้ยาเคมีบำบัดสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ทั้งยังทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ช้า ๆ ช่วยให้เจริญอาหาร และเมื่อทดลองกับสัตว์พบว่าเชื้อมะเร็งที่ได้รับสารนี้เข้าไปมีขนาดเล็กลง กระนั้นปัจจุบันก็ยังคงต้องมีการศึกษาและวิจัยเพิ่มเติมต่อไป
3. ทำให้อาการหอบหืดลดลง
ต้องบอกว่าสารที่มีอยู่ในกัญชาทางการแพทย์ ส่วนใหญ่จะช่วยทำให้หลอดลมขยาย หรือลดตัวได้ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะช่วยควบคุม หรือทำให้อาการหอบหืดลดน้อยลง แต่การใช้งานนั้นก็ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ประจำตัวผู้ป่วยด้วยเพื่อความปลอดภัย
4. ช่วยให้โอกาสสมองฝ่อลดลง
จากการวิจัยอย่างต่อเนื่องจากประเทศอังกฤษพบว่ามีสารที่อยู่ในกัญชาอย่าง Endocannabioids และ Acid cannabinoids โดยสารเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากอาการทางระบบประสาทและสมอง เช่น โรคฮันติงตัน โรคพาร์กินสัน ปัจจุบันยังคงมีการวิจัยและพัฒนาถึงการนำไปใช้ และอยู่ในขั้นตอนการทดลสอบทางคลินิก
5. ช่วยกล้ามเนื้อลดอาการเกร็ง
สาร Cannabidiol (CBD) ที่มีอยู่ในกัญชานี้ มีส่วนช่วยให้อาการปวดกล้ามเนื้อที่เป็นอยู่อย่างเรื้อรัง หรือโรคกล้ามเนื้อกระตุก ที่มักกระตุกขึ้นมาสร้างความรำคาญใจลดลงได้อย่างดี ไม่ปวดเกร็งอีกต่อไป จึงใช้ชีวิตประจำวันได้ดีมากขึ้น
6. ช่วยให้อาการลมชักบางชนิดไม่กำเริบ
สุดท้ายเป็นประโยชน์ที่ได้จากกัญชาทางการแพทย์ ว่าด้วยเรื่องสารที่มีอยู่ในกลุ่ม CBD ที่จะคอยดักจับระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงส่วนปลายระบบประสาท แต่ไม่ได้ส่งผลต่อระบบประสาทรุนแรง ซึ่งจะช่วยให้อาการชักถูกควบคุมได้อย่างดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะให้สาร CBD นี้ร่วมกับยากันชักอยู่ที่ 200 – 300 มิลลิกรัม พร้อมระงับอาการชักที่จะเกิดขึ้นได้
โดยผลจากการทดสอบเป็นเวลา 8 – 18 สัปดาห์ พบว่า 37% อาการดีขึ้นอย่างชัดเจน และอีก 63% ไม่เกิดอาการชักเหมือนที่ผ่านมา (หรือถ้าเกิดก็น้อยครั้งกว่าก่อนที่จะไม่ใช้กัญชาช่วย) กระนั้นมีผลข้างเคียงทำให้ง่วงซึมหนักมาก ต้องใช้ติดต่อกันนาน ๆ ทำให้ใช้ชีวิตประจำวันยากขึ้น
7. ลดอาการปวดต่าง ๆ
เพราะในสาร THC มีส่วนผสมอย่างแคนนาบินอยด์ที่จะช่วยลดอาการปวดได้ทั้งแบบเรื้อรังและฉับพลัน โดยมีการทดลองแล้วกับผู้ป่วยพบว่าการเลือกใช้สารในขนาด 2.5 หรือ 2.7 มิลลิกรัมนั้น จะช่วยลดอาการได้อย่างดี ทำให้การนอนหลับสบายมากขึ้น นอกจากลดปวดกล้ามเนื้อแล้วก็ยังลดปวดข้อได้อย่างดีมีประสิทธิภาพ
ระวังการใช้งานกัญชาแบบผิด ๆ เสี่ยงเกิดอันตรายต่อร่างกาย
แม้กัญชาทางการแพทย์จะเป็นประโยชนในการช่วยรักษาได้หลายโรค แต่หากถูกนำมาใช้แบบผิด ๆ ก็ส่งผลต่อร่างกายได้เช่นกัน ซึ่งหากเป็นแบบนั้นคงไม่ใช้ผลดีแล้วแน่ ๆ เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นได้หลายรูปแบบ
- มีโอกาสป่วยเป็นโรคซึมเศร้า : เนื่องจากสารที่มีอยู่ภายในกัญชามีส่วนช่วยให้รู้สึกอารมณ์ดีมากขึ้นแต่ก็เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อเสพไปนาน ๆ แล้วหากคิดเลิกก็มักมีอารมณ์แปรปรวนมากขึ้น อารมณ์ดีไม่นานอารมณ์นอยด์กลับมา จึงเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคนี้ และมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงมากขึ้น
- มีโอกาสป่วยมะเร็งปอด : เมื่อนำเอาไปม้วนผสมกับบุหรี่หรือสูบตามวิธีทั่วไปเพื่อหวังจะช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น แต่นั่นจะเป็นการทำให้สารในกัญชาแห้งเพิ่มพิษเข้าสู่ปอดได้มากกว่าเดิม เทียบให้เห็นภาพคือ สูบกัญชา 4 มวนเทียบเท่าการสูบบุหรี่ 1 ซองเลยทีเดียว
- เพิ่มความเสี่ยงด้านระบบประสาท : จะทำให้เกิดความผิดปกติได้ เมื่อใช้กัญชาเป็นเวลานาน หรือใช้เป็นประจำ สารบางตัวมักส่งผลต่อกระบวนการคิด การตัดสินใจ รวมถึงความจำที่มีอยู่จะแย่ลงเรื่อย ๆ
- สร้างปัญหาต่อสมรรถภาพทางเพศ : ฮอร์โมนที่ชื่อเทสโทสเตอโรนในผู้ชายลดลงไปด้วย ปกติฮอร์โมนนี้จะเป็นปัจจัยเพิ่มอสุจิและเพิ่มความต้องการทางเพศ เมื่อปริมาณลดลงจึงเป็นเหตุผลของการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หรือมีอารมณ์ทางเพศลงน้อยลง
กรณีที่เกิดใช้งานด้วยตนเองแบบผิด ๆ แล้วเกิดติดกัญชาอยากเลิก จริง ๆ ก็มีวิธีเบื้องต้นมาแนะนำ คือควรหยุดการใช้งานไปเลยทันที ซึ่งอาจมีอาการถอนบ้างในช่วง 1 – 2 วันแรก แล้วอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น ทั้งนี้อาจมีความกระวนกระวายใจ ต้องการของเย็นมาสัมผัสกับร่างกาย ซึ่งญาติต้องให้กำลังใจ และคอยอยู่เคียงข้างด้วย
หรือหากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม แนะนำให้ติดต่อสถานบำบัดยาเสพติด หรือสายด่วนยาเสพติด 1165 ติดต่อขอคำปรึกษา ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญในด้านการเลิกสารเสพติดแนะนำวิธีการที่เหมาะสมมากที่สุดกับตัวบุคคลที่มีความแตกต่างกันออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม :
- เรื่องต้องรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับ “กัญชาถูกกฎหมาย” คลายความสงสัย
- รู้จักกับสายพันธุ์กัญชาไทย และต่างชาติ ดีแค่ไหนถามใจดู
- “ประโยชน์กัญชา” ที่มีต่อร่างกาย รู้ก่อนเลือกใช้งานดีที่สุด
สรุป
กัญชาทางการแพทย์มีประโยชน์ต่อร่างกายแต่การใช้งานก็ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วย ไม่ควรนำมาใช้เองเพราะไม่รู้ว่าร่างกายต้องการรับในปริมาณเท่าไหร่ได้จึงเหมาะสม โดยสารจะถูกขับออกเองทางปัสสาวะ และอุจจาระ ส่วนสารที่ตกค้างในร่างกายก็จะขึ้นอยู่กับความถี่การใช้งาน บางคนตรวจพบได้ 10 – 13 วัน หรือบางคนอาจจะนาน 45 – 90 วันเลยทีเดียว